วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

งาน โฆษณา ดีดี ของอินโดนีเซีย

ประเทศอินโดนีเซีย มีผลงานโฆษณา ดีดี เยอะเลย ถ้าเราจะไปทำโฆษณาในประเทศอินโดนีเซียก็อย่าลืม ศึกษา ความเชื่อ ความชอบ สิ่งที่ไม่ควรแตะต้องหรือนำประเด็นไปล้อเล่น ของคนอินโดนีเซียกันนัน นะคะ มาดูกันผลงานโฆษณากัน เลยคะ

TVC

Gudang Garam Mild: Break The Limit

Johnson's Baby Top to Toe: Blessing


Gulaku Sugar: Lemonade


Holcim: Dibalik (Behind)

Djarum Foundation: Bamboo



 Print AD


Hygienex: Stewardess


Unitron Hearing Aid: Roar


Unitron Hearing Aid: Sirene

Unitron Hearing Aid: Bang!


Telkom Speedy Monitoring: Alien


Telkom Speedy Monitoring: Plumber


elkom Speedy Monitoring: Kids

daktarin powder: saloon

Ambipur: Family's picnic




Ambipur: Just married!



Ambipur: Mr. CEO



วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

Archetype Patriach (นักปกครอง)

ซูการ์โน (Sukarno)


ประธานาธิบดีคนแรกของอินโดนีเซียซึ่งมีส่วนสำคัญในการประกาศเอกราชของอินโดนีเซียต่อประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดียาวนานถึง 22 ปี จนถูกบีบให้ลงจากอำนาจโดยนายพลซูฮาร์โต



โมฮัมหมัด ฮัตตา (Mohammad Hatta)



ผู้นำการเคลื่อนไหวและผู้ร่วมอุดมการณ์ในการกอบกู้เอกราชกับซูการ์โน เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกและรองประธานาธิบดีของประเทศ 


วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

Archetype Enchantress (ผู้น่าหลงใหล)


อินโดนิเซียจะมีความชื่นชอบในตัวดารา ไม่แตกต่างจะประเทศไทยมาก ซึ่งดาราของประเทศอินโดนีเซียนี้ไปแพ้ประเทศไทยเลยเรามาดูกันเลยคะ

SANDRA DEWI – ACTRESS




WULAN GURITNO – ACTRESS, MODEL, PRESENTER




SANDRA DEWI – ACTRESS



SANDRA DEWI – ACTRESS


LADYA CHERYLL – ACTRESS



JULIE ESTELLE – ACTRESS, MODEL



ANGGUN – SINGER

CARISSA PUTRI – ACTRESS, MODEL





เศรษฐกิจ การค้า และ บทบาทของอินโดนิเซีนใน อาเซียน

เศรษฐกิจ  การค้า
ประเทศที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ในขณะที่ 90% ของประชากรมีส่วนร่วมในการเกษตรน้ำมันและก๊าซร่วม 70% ของรายได้การส่งออกทั้งหมดและ 60% ของรายได้รัฐบาล อย่างไรก็ตามความผันผวนของราคาโลกของสินค้าส่งออกดั้งเดิมได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในปีล่าสุดในโครงสร้างของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวที่ดึงดูดความภาคสำคัญที่มีรายได้อัตราแลกเปลี่ยน

การผลิตและการเติบโตในอุตสาหกรรมนี้รัฐบาลได้กำหนดนโยบายใหม่และปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก ความคืบหน้าสำคัญได้ทำในการสื่อสารและการขนส่งและตั้งแต่ปี 1976 อินโดนีเซียได้มีของระบบของดาวเทียมสื่อสารที่มีการเปิดใช้การขยายตัวอย่างรวดเร็วของโทรศัพท์โทรทัศน์และอุปกรณ์การออกอากาศทั้งหมด 27 จังหวัด
อากาศและท่าเรือน้ำมีการขยายเพื่อตอบสนองการจราจรเพิ่มขึ้นในภาคและต่างประเทศทั้งของผู้โดยสารตลอดจนการขนส่ง นอกจากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ผลิตภัณฑ์ป่าไม้ยางกาแฟชา, ดีบุก, นิเกิล, coper ผลิตภัณฑ์ปาล์มและปลาให้มีส่วนร่วมสำคัญในการส่งออกรายได้
ในปีล่าสุดจำนวนขั้นตอนที่ได้รับการส่งเสริมและกระตุ้นการส่งออกน้ำมันไม่ซึ่งรวมถึงงานฝีมือ, สิ่งทอ, โลหะ, ชา, ยาสูบซีเมนต์ปุ๋ยเป็นสินค้าที่ผลิต
เพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศอินโดนีเซียพืชชนิดต่างๆประกอบรถยนต์, รถบรรทุกรถโดยสารและรถจักรยานยนต์ภายใต้ใบอนุญาตจากผู้ผลิตต่างประเทศ ผลิตยังมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมการบินได้รับการปลูกและสายการผลิตใหม่จะมา stream - on และ Universal บำรุงรักษาของศูนย์การยกเครื่องของอากาศยาน เครื่องบินสำหรับใช้ในประเทศรวมทั้งการส่งออก ในภาคเกษตรกรรม, อินโดนีเซียได้กลายเป็นตัวเองเพียงพอในข้าวและไม่จำเป็นต้องนำเข้าอาหารหลักตามที่ได้สำหรับปี
ในอินโดนีเซียออกมาเสียจากวิกฤตเริ่มที่จะจับปลาย 2008
นิคมอุตสาหกรรมมีอยู่ในเกือบทุกจังหวัดของอินโดนีเซีย นิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่พบใน Jakarta, ตะวันตก Java (เบกาซี, Karawang, Purwakarta), Banten (Tangerang, Serang), ศูนย์กลาง Java (เซมารัง, Cilacap), โร (Piyungan), East Java (Surabaya, Gresik, Sidoarjo, Pasuruan , Probolinggo), ทางทิศเหนือSumatera (Medan), ตะวันตก Sumatera (Padang), Lampung, Kaลิมาntan เรียว (เกาะบาตัมเกาะบินตัน), ภาคใต้Sulawesi (Makassar) และตะวันออก(Bontang) เขตคลังสินค้าทัณฑ์บน
การท่าเรือกรุงจาการ์ตาเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซียและเป็นหนึ่งในท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในลุ่มน้ำ Java ทะเลมีกำลังการจราจรปีประมาณ 45 ล้านตันสินค้าและ 4,000,000 TEU ของ
การลงทุนในอินโดนีเซีย FDI
อินโดนีเซียเป็นประเทศปลายทางการลงทุนสัญญากับทรัพยากรที่มีศักยภาพมากและตลาด อินโดนีเซียเป็นอันดับที่ 122 จาก 183 เศรษฐกิจ สิงคโปร์เป็นอันดับบนเศรษฐกิจ ในความง่ายในการทำธุรกิจ อินโดนีเซียเป็นอันดับ 41 โดยรวมสำหรับการปกป้องนักลงทุน
BKPM เป็นหน่วยงานบริการการลงทุนของรัฐบาลอินโดนีเซียที่สร้างด้วยวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพใช้พระราชบัญญัติของกฎหมายในต่างประเทศรวมทั้งการลงทุนในประเทศ
PT Telekomunikasi ประเทศอินโดนีเซีย Tbk (TELKOM)

เป็นข้อมูลแบบที่ใหญ่ที่สุดและบริการการสื่อสารและให้บริการเครือข่ายในประเทศอินโดนีเซีย TELKOM ให้ wirelines fixed, fixed wireless, cellular รวมทั้งข้อมูลและ อินเทอร์เน็ต และการบริการเชื่อมต่อเครือข่ายทั้งโดยตรงและผ่าน บริษัท ที่เกี่ยวข้องและ บริษัท ย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2007 จำนวนสมาชิก TELKOM ถึง 63.0 ล้านประกอบด้วย 8.7 ล้านคง wireline และ 6.4 ล้านไร้สายสมาชิก ถาวรและ 47,900,000 สมาชิก cellular การเจริญเติบโตของสมาชิก TELKOM 29.9% ในปี 2007
สาธารณรัฐอินโดนีเซียเป็นประเทศหมู่เกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลกประกอบด้วยเกาะ 17,508 ยาวไป 5,120 กิโลเมตรจากทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตกและ 1,760 กิโลเมตรจากเหนือจรดใต้ กระจายเกาะเหนือกว่า 1 / 10 ของเส้นศูนย์สูตรระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลียที่ครอบคลุมเนื้อที่ประมาณ 2 ล้านตารางกิโลเมตรและน่านน้ำเกือบสี่ครั้งขนาดที่ ประชากรทั้งหมดของอินโดนีเซียเป็น 222 ล้าน for 2006 130 ล้านคนอยู่บนเกาะชวาเกาะมีประชากรมากที่สุดของโลก

ส่วนใหญ่ (ประมาณ 85%) ของประชากรต่อศาสนาอิสลาม เสรีภาพในการศาสนาเป็นดำเนินการโดยอินโดนีเซียรัฐธรรมนูญ


บทบาทของอินโดนิเซีนใน อาเซียน





การเข้าเป็นสมาชิกของอาเซียน
อินโดนีเซียเป็นประเทศผู้ร่วมก่อตั้งอาเซียนโดยการร่วมลงนามในปฏิญญากรุงเทพฯ ของนายอาดัม มาลิก รัฐมนตรีจากกระทรวงการต่างประเทศ ในระยะเริ่มแรกของการก่อตั้งอาเซียน อินโดนีเซียจัดได้ว่าเป็นชาติที่มีศักยภาพสูงสุดเมื่อเทียบกับประเทศผู้ร่วมก่อตั้งอื่นๆ เหตุผลที่ประเทศอินโดนีเซียเข้าร่วมอาเซียนในปี 2510 มีปัจจัยสนับสนุนแบ่งเป็น 2 ด้านหลักๆ กล่าวคือ

1) ปัจจัยแวดล้อมทั้งสภาพทางภูมิศาสตร์และสังคม เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีทรัพยากร มีประชากร และมีพื้นขนาดใหญ่เป็นพี่เบิ้มในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำไปสู่การเสริมสร้างทัศนคติของอินโดนีเซียที่มองเห็นศักยภาพและความพร้อมของตนเองที่เหนือประเทศในภูมิภาคเดียวกัน จนเกิดความรู้สึกเลื่อมใสในตัวเอง (self-respect) และรู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญ (self-importance) เหล่านี้ผลักดันให้เข้ามามีบทบาทสำคัญทางการระหว่างประเทศ

2) การเปลี่ยนแปลงนโยบายทางต่างประเทศของอินโดนีเซีย กล่าวคือ ภายหลังได้รับเอกราช จากเนเธอร์แลนด์ในปี 2488 อินโดนีเซียมีนโยบายต่างประเทศที่เน้นหนักไปในเรื่องความเป็นชาตินิยม ต่อต้านสหรัฐฯและอดีตจักรวรรดินิยม ตลอดจนปฏิเสธการที่จะเข้าร่วมเป็นภาคีกับกลุ่มประเทศใด ยึดมั่นในหลักการ เป็นอิสระและแข็งขัน” (Independent and Active) ซึ่งนโยบายดังกล่าวเป็นผลจากอิทธิพลและประสบการณ์ในยุคที่อินโดนีเซียอยู่ใต้การปกครองของเนเธอร์แลนด์ ทำให้มีการต่อสู้อย่างมุ่งมั่นเพื่อให้ได้มาซึ่งเอกราชและอธิปไตย ดังนั้น พฤติกรรมในเวทีการเมืองระหว่างประเทศของอินโดนีเซีย จึงมีลักษณะไม่ผูกพันกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด (Non-Alignment) ส่งผลให้อินโดนีเซียมีความเหินห่างออกจากภูมิภาคและไม่ได้ให้ความสนใจในความเกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค จนกระทั่งในปี 2508 สมัยของประธานาธิบดีซูฮาร์โต ภายใต้ยุค ระบบใหม่ เน้นหลักอาศัยนโยบายการเศรษฐกิจนำการเมือง หันมาสนใจภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างจริงจัง และสร้างความร่วมมือภายในภูมิภาค โดยเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่มีความประนีประนอมมากขึ้น แต่ยังคงยึดมั่นในหลักการ เป็นอิสระและแข็งขัน และให้ความสำคัญแก่กลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดอยู่เช่นเดิม ในขณะที่มีท่าทีต่อเพื่อนบ้านผ่อนปรนมากขึ้น นำไปสู่ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการก่อตั้งอาเซียน

บทบาทของอินโดนีเซียในอาเซียน
                     ประเทศอินโดนีเซียในสมัยของประธานาธิบดีซูฮาร์โต ได้มีนโยบายที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยหันมารื้อฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศตะวันตกมากขึ้น และมีความพยามยามในการร่วมมือในส่วนภูมิภาคมากขึ้น ดังเช่น การที่อินโดนีเซียประกาศยุติการเผชิญหน้ากับมาเลเซียด้วยหลัก การยุติปัญหาของชาวเอเชียโดยชาวเอเชียด้วยกันเอง” (Asian Solutions for Asian Problems)อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางปี พ.ศ.2540-2541 อินโดนีเซียมีปัญหาภายในที่มีสภาวะการผลัดเปลี่ยนผู้นำ รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้บทบาทในอาเซียนของอินโดนีเซียลดลงไป กระทั่งเริ่มมีบทบาทอย่างสำคัญในอาเซียนอีกครั้งหลังเกิดเหตุการณ์ตึกเวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์ถล่ม เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 โดยในช่วงระยะเวลา 1 ปี หลังเหตุการณ์ อินโดนีเซียได้มีบทบาทสำคัญในเวทีระหว่างประเทศในฐานะที่เป็นประเทศที่ถูกเชื่อว่ามีฐานของกลุ่มผู้ก่อการร้ายอยู่ภายในประเทศ ทำให้อินโดนีเซียต้องแสดงบทบาทที่ชัดเจนเกี่ยวกับการต่อต้านการก่อการร้าย โดยได้ร่วมมือกับอาเซียนในการประกาศใช้ปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือต่อต้านลัทธิการก่อการร้ายปี 2001 (2001 ASEAN Declaration on Joint Action to Counter Terrorism) นอกจากนี้ยังได้เสนอเป็นผู้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการว่าด้วยการต่อสู้กับลัทธิการก่อการร้ายระหว่างประเทศอีกด้วย

ในด้านบทบาทการเป็นประธานอาเซียน ประเทศอินโดนีเซียได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน 3 สมัยด้วยกัน กล่าวคือ

ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 23-24 กุมภาพันธ์ 2519 ที่เมืองบาหลี มีการประกาศปฏิญญาบาหลีฉบับที่ 1 หรือ Bali Concord I ซึ่งช่วยวางรากฐานสำคัญให้กับอาเซียน โดยเสนอวัตถุประสงค์และโครงสร้างของอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรมเป็นครั้งแรก และกำหนดให้มีการจัดตั้งสำนักเลขาธิการอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา โดยมีการลงนามในสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือ เพื่อยึดเป็นพื้นฐานในการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ

ครั้งที่ 9 เมื่อวันที่ 7-8 ตุลาคม 2546 ที่เมืองบาหลี ในครั้งนี้อาเซียนได้ประกาศปฏิญญาบาหลีฉบับที่ 2 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งประชาคมอาเซียน ซึ่งกำหนดให้มี 3 เสาหลัก ได้แก่ ประชาคมความมั่นคงและการเมือง ประชาคมเศรษฐกิจ และประชาคมสังคม-วัฒนธรรม

ครั้งที่ 19 เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2554 ที่เมืองบาหลีเช่นกัน อาเซียนมีแผนที่จะออกปฏิญญาบาหลีฉบับที่ 3 ซึ่งจะกำหนดบทบาทและทิศทางของประชาคมอาเซียนในเวทีโลกจะเห็นได้ว่าอินโดนีเซียมีบทบาทนำในอาเซียนมาโดยตลอด โดยเฉพาะเมื่อดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน อินโดนีเซียมักจะนำเสนอแนวความคิดและโครงการใหม่ต่ออาเซียน
โดยในปี 2554 ที่อินโดนีเซียรับตำแหน่งประธานอาเซียน อินโดนีเซียได้มีความริเริ่มที่สำคัญ 4 ประการ 

ประการแรก คือ การเสนอตัวเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาเรื่องเขตแดนรอบปราสาทเขาพระวิหาร

ประการที่ 2 ความพยายามผลักดันให้พม่าเปิดกว้างทางด้านการเมืองมากขึ้น และเร่งปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ เพื่อให้พม่าก้าวทันโลกไปพร้อมกับประเทศอื่นในอาเซียน

ประการที่ 3 การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก มีสหรัฐอเมริกา และรัสเซียเข้าร่วมเป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับการสร้างระเบียบและสถาบันความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และวาระที่ชัดเจนมากขึ้น

ประการที่ 4 การริเริ่มการผลักดันให้มีการเจรจาเรื่องเขตแดนในทะเลจีนใต้ จนเกิดปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยธำรงสันติภาพและเสถียรภาพในทะเลจีนใต้ เป็นการตอกย้ำบทบาทที่สำคัญที่สุดของอาเซียน ในการสร้างกฎระเบียบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งในหมู่ประเทศสมาชิก ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้เกิดสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอาเซียน

โฆษณาแบบ Local ของประเทศ อินโดนิเซีย

โฆษณาตัวนี้เป็นแบบ Local เพราะว่า ทั้งตัวนักแสดง ภาษาที่ใช้ในหนังโฆษณา นั้นเป็นของอินโดนิเซียทั้งสิ้น

โฆษณาแบบ Global ของประเทศ อินโดนิเซีย

โฆษณาตัวนี้ เป็นโฆษณา เชิญชวนให้คนมาเที่ยวที่ประเทศอินโดนิซียกัน ภายในหนังโฆษณาก็จะมีเนื้อเรื่องที่ ชายหนุ่มมาเที่ยวที่ประเทศอินโดนิเซีย ได้แชทกับ หญิงสาว ว่าประเทศอินโดนิเซียสวยงามมาก ให้ผู้หญิงลองมาดูเอง แล้วภายในหนังโฆษณาก็จะมีฉากที่เป็นสถานที่ต่างๆที่ขึ้นชื่อของประเทศอินโดนิเซีย แล้วทั้งคู่ก็มาเจอกันที่นี้ โฆษณาตัวนี้ เป็นโฆษณาที่ใช้สัญลักษณ์แบบ Global เพราะว่า โฆษณาตัวนี้ต้องการที่จะสื่อสารให้คนมาเที่ยวที่ประเทศอินโดนีเซีย จึงมีพล็อตเรื่องที่ดูมีความเป็นสากล  และ ใช้ภาษาอังกฤษในหนังโฆษณาตัวนี้


วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

ขนบธรรมเนียมประเพณีของอินโดนีเซีย


โครงสร้างทางสังคมและวัฒนธรรม  ประชากรอินโดนีเซียประกอบด้วย หลายเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ แต่ละเผ่าพันธุ์ต่างก็มีมรดกทางวัฒนธรรม และลักษณะทางสังคมของตนสืบทอดกันมา ชนเหล่านี้เมื่อถูกรวมกันเข้าภายใต้ระบบการเมือง เศรษฐกิจและการป้องกันประเทศร่วมกัน
จากการที่สภาพที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของประเทศอินโดนีเซีย มีลักษณะแยกกันเป็นหมู่เกาะมากมาย และมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล ประชากรติดต่อกันได้ยาก ทำให้แต่ละภูมิภาคมีรูปแบบวัฒนธรรมของตนเอง จึงปรากฎลักษณะวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และภาษาที่ใช้ผิดแผก แตกต่างกันไป
ขนบธรรมเนียมประเพณี  ประชากรกลุ่มต่าง ๆ ของอินโดนีเซีย มีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และวิถีชีวิตแตกต่างกันไป ในแต่ละกลุ่มชน ชาวชนบทที่อาศัยอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง ยังยึดมั่นอยู่กับประเพณีเดิมอยู่มาก ส่วนกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในตัวเมือง และได้รับการศึกษาแบบตะวันตก จะมีวิถีชีวิตแตกต่างกันออกไป การแบ่งกลุ่มชนตามขนบธรรมเนียมประเพณี และพื้นที่ตั้ง สามารถแบ่งออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ ๆ ด้วยกันคือ
  • กลุ่มแรก  เป็นกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในเกาะชวา และบาหลี ผู้คนที่อยู่ในแถบนี้จะยึดมั่นอยู่ในแนวทางของศาสนาฮินดู และศาสนาพุทธ มีวัฒนธรรมเน้นหนักในเรื่องคุณค่าของจิตใจ และสังคม ก่อให้เกิดการพัฒนาศิลปอย่างมากมาย โดยเฉพาะนาฎศิลป์ และดุริยางคศิลป์ ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ประชากรจะประพฤติตามหลักจริยธรรม มีการเคารพต่อบุคคลตามฐานะของบุคคลนั้น ๆ
  • กลุ่มที่สอง  เป็นกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ตามบริเวณริมฝั่งทะเลของเกาะต่าง ๆ ดำเนินชีวิตอยู่ได้ด้วยการประกอบการค้าขาย มีชีวิตทางวัฒนธรรมตามหลักของศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด และเป็นนักธุรกิจของสังคมอินโดนีเซียยุคใหม่ และได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีความรู้ทางศาสนา และกฎหมาย
  • กลุ่มที่สาม  เป็นกลุ่มที่มีความล้าหลังมาก อาศัยอยู่ตามบริเวณเทือกเขาในส่วนลึกของประเทศ ดำเนินชีวิตอยู่ด้วยการล่าสัตว์ และการเพาะปลูก รัฐบาลอินโดนีเซียได้เข้าไปปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของชนกลุ่มนี้แล้ว
ในประเทศอินโดนีเซีย มีการกำหนดกฎหมายประเพณีในสังคม ตามความเชื่อในศาสนาซึ่งจะต้องปฎิบัติอย่างเคร่งครัด และสืบทอดกันมานานแล้ว มีสาระที่สำคัญคือ ความผูกพันระหว่างสามีกับภรรยา พ่อแม่กับลูก และพลเมืองต่อสังคมที่ตนอยู่ โดยยึดหลักการปฎิบัติที่เรียกเป็นภาษาอินโดนีเซียว่า โกตองโรยอง คือการช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกันในงานต่าง ๆ เช่น การเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว การแต่งงาน การสร้างบ้านที่อยู่อาศัย การใช้ที่ดินร่วมกัน ภายใต้ข้อตกลงและข้อแม้พิเศษ


ศิลปและวรรณคดี
ชาวอินเดียเป็นผู้รักศิลป และวรรณคดีมาช้านานแล้ว สังเกตได้จากลวดลายของเครื่องแต่งกาย บ้านที่พักอาศัย ศาสนสถาน และนาฎศิลป์ต่าง ๆ ศิลปในประเทศอินโดนีเซีย มิได้ยึดถือตามที่สืบทอดกันมาแต่ในอดีตเท่านั้น แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างได้พัฒนาเปลี่ยนไปตามแต่ละยุค แต่ละสมัย ที่มีอิทธิพลต่อประเทศอินโดนีเซีย ในขณะนั้น
ศิลปกรรมการปั้น และการแกะสลัก  การทำงานแบบธรรมชาติ โดยใช้ฝีมืออย่างแท้จริง ประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ ในรูปแบบแกะสลักไม้ แกะสลักวัตถุโลหะ เครื่องปั้นดินเผา และงานแกะสลักหินเป็นรูปต่าง ๆ แต่ส่วนใหญ่เป็นศิลปกรรมฮินดู เพราะศาสนาพราหมณ์ฮินดู เคยเข้ามามีอิทธิพลในอินโดนีเซีย นักแกะสลักที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่เป็นชาวบาหลี


สถาปัตยกรรม
มีลักษณะแตกต่างกันไปตามสภาพของภูมิประเทศและอิทธิพลของศาสนา แต่ส่วนใหญ่คล้ายคลึงกับประเทศต่าง ๆ แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  อาคารบ้านเรือนของประชาชนโดยทั่ว ๆ ไปจะใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่นเป็นอุปกรณ์ในการก่อสร้าง ส่วนเทวสถานบางแห่ง เช่น สถูปโบโรพุทโธ ซึ่งมีชื่อเสียงมากได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมของศาสนาฮินดู
นาฏศิลป์ 
มีรูปแบบแตกต่างกันไปเป็นสองลักษณะ เนื่องจากในอดีตอินโดนีเซียถูกฮอลันดาบีบบังคับให้แบ่งอาณาจักร Matanam ออกเป็นสองส่วนคืออาณาจักรสมาการ์ตา (Sumakarta) และอาณาจักรยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) จึงทำให้นาฏศิลป์ชวามีรูปแบบแตกต่างกันออกไปดังกล่าว
  • แบบสมาการ์ตา (Samakarta)  การแต่งกายจะใช้ผ้าแพรพาดบ่า ท่วงทำนองของวงมโหรีจะนุ่มนวลราบเรียบ มีเส้นแบ่งจังหวะน้อย
  • แบบยอกยาการ์ตา (Yogyakarta)  การแต่งกายจะใช้ผ้าแพรพันเอว ท่วงทำนองของวงมโหรีจะมีเสียงไม่นุ่มนวล เพราะมีเส้นแบ่งจังหวะมาก
ถึงแม้นาฏศิลป์ทั้งสองแบบจะแตกต่างกันไปบ้างก็ตาม แต่ก็สะท้อนปรัชญาของชวาจากท่าทาง การเคลื่อนไหวมือ - แขน แม้กระทั่งการแสดงออกทางสีหน้า เช่น ตัวละครที่แสดงเป็นธรรมะจะหลบตาลงต่ำเสมอ และจะร่ายรำด้วยลีลาอ่อนช้อย ผสมกลมกลืนอย่างสง่างาม แสดงถึงจิตใจอ่อนโยนบริสุทธิ์ ในทางตรงกันข้าม ตัวละครที่แสดงเป็นอธรรม หรือชั่วร้ายจะแสดง ลักษณะท่วงท่าวางอำนาจ กลอกตาแข็งกร้าว แสดงถึงจิตใจชั่วร้ายหยาบคาย ปรัชญาของชวามุ่งใฝ่สันติความสงบสุข สุภาพ ถ่อมตัวในการติดต่อกับผู้อื่น เช่นเดียวกับตัวละครที่แสดงเป็นฝ่ายธรรมะ


ดนตรี
ในสมัยโบราณ อินโดนีเซียมีวงดนตรีพื้นเมืองมีชื่อเสียงมากเรียกว่า ตมิลาน ประกอบด้วย เครื่องดนตรีคล้ายระนาด กลอง ฆ้อง ซอสองสาย และขลุ่ย ซึ่งนอกจากเป็นดนตรีประจำราชสำนักของสุลต่านต่าง ๆ บนเกาะชวาแล้ว ดนตรีดังกล่าวยังทำหน้าที่เผยแพร่ศาสนาอิสลามด้วย แต่ปัจจุบันวงดนตรีตมิลานได้กลายเป็นวงดนตรีสำหรับการฟ้อนรำ การแสดงนาฏศิลป์ และการแสดงหนังตะลุง นอกจากนี้อินโดนีเซียยังมีวงดนตรีอังกะลุงด้วย




ศิลปะการแสดง
การมหรสพของอินโดนีเซียได้แก่ ละครและภาพยนตร์ เค้าโครงเรื่องของละครที่นำมาแสดงส่วนใหญ่คือเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งเป็นเทพนิยายในศาสนาฮินดู ตัวละครจะแต่งกายด้วยผ้าปาติก ไม่สวมเสื้อชั้นนอก ใช้สีทาตัวเป็นสีต่าง ๆ ประดับด้วยสร้อยสังวาลย์ นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังมีการละเล่นอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า วายัง หรือหนังตะลุง เป็นที่นิยมกันมาก เค้าโครงเรื่องส่วนใหญ่เป็นนิยายเกี่ยวกับเรื่องสงครามในศาสนาฮินดู

วรรณคดี
ในสมัยที่ศาสนาฮินดู และพุทธศาสนาได้เข้าไปเผยแพร่ในอินโดนีเซีย วรรณคดีของอินโดนีเซียมีความเจริญอย่างรวดเร็ว หนังสือที่มีชื่อเสียงในระยะนั้นได้แก่เรื่องเนการาเกอร์ตากามา ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่ และอำนาจของอาณาจักรมัดยาปาหิต นอกจากนี้ยังมีหนังสือที่ได้รับความนิยมกันมากอีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องปาราราตัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของกษัตริย์อินโดนีเซียในสมัยนั้น เขียนเป็นภาษาชวาโบราณ
ต่อมาเมื่อศาสนาอิสลามได้แพร่เข้าไปในอินโดนีเซีย ก็ได้มีผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับคำสอนของศาสนาอิสลาม และตำราหมอดูไว้หลายเล่ม โดยเขียนเป็นภาษาชวา




วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2556

การแต่งกายของอินโดนีเซีย


อินโดนีเซียเป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดีย และแปซิฟิค รวมเกาะใหญ่น้อยราว 3,000 เกาะ ที่สำคัญคือ สุมาตรา ชวา บาลี ชุลาเวสี (เซลีบิส) กาลมันตัน เวสต์อิเรียน เมืองหลวงคือจาร์กาตา อยู่บนเกาะชวา

การทอผ้าแบบดั้งเดิมของอินโดนีเซีย อินโดนีเซียเป็นหมู่เกาะที่อยู่ในเส้นทางการค้าขายติดต่อกับอินเดีย จีน และยุโรป มานาน กว่าร้อยปี ซึ่งความสัมพันธ์นีมี้อิทธิพลต่อวัฒนธรรม ทักษะพื้น บ้านและวัตถุดิบในการผลิต ผ้า ทอของอินโดนีเซียซึ่งผลิตทั้งผ้าฝ้ายพื้น ๆ ผ้าฝ้ายที่วิจิตร ผ้าทอผสมเส้นใยไหม เส้นทองและเส้น เงิน มีชุดแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะประจำถิ่น

ผ้าทอโบราณของอินโดนีเซียมีหลายชนิด ได้แก่ ผ้ายก (Songket) ผ้ามัดหมี่ มัดหมี่เส้นยืน มัดหมี่เส้นพุ่ง และมัดหมี่ทั้งเส้นพุ่งและเส้นยืน

Songket หมายถึง ยกดิ้น เงินดิ้น ทองซึ่งผลิตในพาเลมบังมินังคาบัว และสมารินดา
ชาวอินโดนีเซียใช้ผ้าทอกันมากในชีวิตประจำวัน เช่น ผ้าโสร่ง (ผ้านุ่งผู้หญิง) ผ้าคลุมไหล่ ผ้าสำหรับหุ้มห่อและผูกเด็กเข้ากับตัว ผ้าคลุมผม ผ้ารัดเอว ถุงย่าม
  • ผ้าเพเลไพ (Pelepai) หรือผ้าลวดลายเรือจากกลัมปุง ใช้แขวน ประดับ หรือวางตกแต่ง ในงานแต่งงาน และพิธีขลิบปลายองคชาติ
  • ผ้าบัว (Pua) จากกาลิมันตัน ใช้แทนผนังในกระท่อมไม้ในงานและพิธีกรรม ซิโดมัคติ (Sidomukti) เป็นผ้ามัดหมี่ ใช้ในงานพิธีแต่งงานเท่านั้น
  • ผ้ากริงซิง (Gringsing) ในบาหลี เป็นผ้ามัดหมี่ทั้งเส้นด้ายยืนและเส้นพุ่งใช้ในพิธีแสดง การย่างเข้าสู่วัยผู้ใหญ่และหนุ่มสาว
  • ผ้าเคนทัมพัน (Kain tampan) เป็นผ้าสี่เหลี่ยมจัตุรัส เป็นผ้าที่ใช้แลกเปลี่ยนกันระหว่าง ญาติที่เกี่ยวข้องกันเพราะการแต่งงาน
ชาวอินโดนีเซีย แต่งกายโดยการนุ่งโสร่งปาเต๊ะ มาจากมาเลเซีย มีการทำโสร่งปาเต๊ะ หรือบาติก และเครื่องหนังที่ขึ้น ชื่อมาก

ผู้หญิง สวมเสื้อแขนยาวพอดี คอแหลม ผ่าหน้าอกเข้ารูปเล็กน้อย ยาวปิดสะโพก เข้ากับ โสร่งที่เป็นลวดลาย ใช้สีสันกันเป็นทางบ้างดอกบ้าง ใช้ผ้ายาว ๆ คล้องคอเช่นเดียวกับชาวมาเลเซีย ต่างกันที่คอเสื้อ ชาวมาเลเซียจะเป็นคอยู และเสื้อยาว

ผู้ชาย แต่งชุดสากล ผูกไทด์ลายผ้าปาเต๊ะ สวมหมวกคล้ายหมวกหนีบ 


มารู้จักผู้คนอินโดนีเซียกันดีกว่า


ประเทศอินโดนีเซีย มีประชากรส่วนใหญ่เป็นเชื้อสายมาเลย์ ประมาณร้อยละ 95 ที่เหลือเป็นอินเดีย อาหรับ จีน และชาวยุโรป แต่ถ้าแบ่งตามหลักฐานชาติวงศ์วิทยาแล้ว ถือว่าชาวอินโดนีเซียมีต้นกำเนิดมาจาก 365 เชื้อชาติ รวมเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้สี่กลุ่มด้วยกันคือ
  • เมสเลเนเซียน (Melanesians) เป็นเผ่าพันธุ์ที่ผสมกันระหว่างกลุ่มมองโกลลอยด์ กับวาจาด
  • โปรโตออสโตรเนเซียน (Proto - Autronesians)
  • โพลีเนเซียน (Polynesians)
  • โมโครเนเซียน (Micronesians)
ประชากรที่มีเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ เหล่านี้ อาศัยอยู่ตามเกาะสุมาตรา เกาะชวาตะวันตก เกาะมาดูรา เกาะบาหลี เกาะลอมบก  เกาะตีมอร์ เกาะบอร์เนียว เกาะสุลาเวสี เกาะอีเรียนจายา และตามแนวชายแดนด้านตะวันตก
ลักษณะของชาวอินโดนีเซีย จะมีตาคม ผมดำ ผิวสีน้ำตาล กระดูกแก้มกว้าง ตาเล็ก จมูกใหญ่ มีความสูงประมาณ 5 - 6 ฟุต พอกับความสูงของคนไทยทั่วไป ประชากรของอินโดนีเซีย มีมากเป็นอันดับห้าของโลก รองลงมาจาก จีน อินเดีย โซเวียตรัสเซีย และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ ประชากรส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 63 จะอยู่ทีเกาะชวา และเกาะมาดูรา จำนวนประชากรกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ คือ


ภาษา
ภาษาประจำชาติของอินโดนีเซีย ได้แก่ บาฮาซา อินโดนีเซีย นอกจากนี้ยังมีภาษามลายูโปสีนีเซียน และภาษาท้องถิ่นอีกประมาณ 250 ภาษา ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่สำคัญรองลงมาจากภาษาประจำชาติ และถือเป็นภาษาบังคับในโรงเรียนมัธยม นอกจากนี้ยังใช้กันอย่างแพร่หลายในวงราชการและธุรกิจ สำหรับภาษาดัทช์ ใช้พูดกันในหมู่ผู้สูงอายุ  ภาษาบาฮาซา อินโดนีเซียได้โครงสร้างและคำส่วนใหญ่มาจากภาษามาเลย์ ประกอบด้วยภาษาท้องถิ่นอีกมากมาย ชาวอินโดนีเซียส่วนใหญ่จะรู้สองภาษา

เรามาดูคำศัพท์ของคนอินโดนิเซียดูกันนะคะ เพื่อมีโอกาสได้พูดคุยอีกไม่นาน เมื่อเปิดประชาคมอาเซีน

คำศัพท์ภาษาอินโดนีเซีย

ฮาโหล   สวัสดีเซอลามัต

ปากี      สวัสดีตอนเช้า

เซอลามัตเซียง       สวัสดีตอนกลางวัน

เซอลามัตมาลาม   สวัสดีตอนหัวค่ำ

เซอลามัตติดูร์        = ราตรีสวัสดิ์

ซายา, อากุ             ฉัน, ดิฉัน, ผม, กระผม (สองคพนี้ใช้ต่างกันตรงที่ อากุ ใช้กับคนที่สนิท ส่วน ซายา ใช้แบบทางการ และ ทั่วไป)

อันดา ,กาม            = คุณ

อะปา                    = อะไร

ซิอะปา                  ใคร ?

ดิมานา                  ที่ไหน

กาปัน , บิลา          เมื่อไร

เมิงอะปา               ทำไม

เบอราปา               เท่าไร

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

อาหารสำคัญของประเทศอินโดนีเซีย น่ากินมากๆ


1. บัคมีโกเรง - บะหมี่ผัด 

อาหารจานเด็ดของชาวอินโดนีเซียก็คือ บัคมีโกเรง (bakmi goreng) หรือบะหมี่ผัด

ส่วนตัวแล้วไม่เคยกินของต้นตำหรับ แต่บะหมี่ฌกเรงแบบซอง กินบ่อยมากคะตอนนี้ที่บ้านยังมีอยู่เลย อิอิ ในไทยมีขายนะคะ แต่จะหาซื้อได้ยากนิดนึง จะมีขายตาม max value หรือ ในห้างดังๆอะคะ 


 2. เซมปัล - น้ำพริกรสดี 

ชาวอินโดนีเซียนิยมกินน้ำพริกและกินกันเป็นประจำ ทุกมื้ออาหาร พวกเขาเรียก น้ำพริกว่า เซมปัล

3. เคอตูบัต – ข้าวต้มมัดอินโดน

ชาวอินโดนีเซียก็นิยมกินข้าวต้มมัดห่อด้วยทางมะพร้าว ต่างจากไทยที่ห่อด้วย ใบตอง เป็นส่วนใหญ่ เรียกชื่อว่า เคอตุปัต (Ketupat) 


 4. สะเต๊ะ – ซาเต 

สะเต๊ะหรือที่ชาวอินโดนีเซียเรียกว่า ซะเต เป็นอาหารอีกประเภทหนึ่งที่นิยมกินกันทุกครัวเรือน โดยมีน้ำจิ้มถั่วลิสงเป็นของกินคู่กัน นอกจากไก่ หมู หรือเนื้อ ที่เมืองไทยก็มีการนำมาทำสะเต๊ะกันนั้น ชาวอินโดนีเซียยังมี เต่าสะเต๊ะ อีกด้วย